FACTORS RELATED TO FALLS EFFICACY IN OLDER ADULT PATIENTS ADMITTED IN A PRIVATE HOSPITAL

Abstract

Fall efficacy in older adult patients is important for the mobility. This research is descriptive correlation research. The objectives of this research were to study the level and factors related to fall efficacy in older adult patients. Older adult patients hospitalized in a private hospital by simple random sampling was recruited (N = 97). The research instruments included the demographic questionnaire, health status perception, balance abilities perception, the Fall-Efficacy Scale, Charlson Comorbidity Index, Perceived health status, Thai Geriatric Depression Scale-15, The Modified Barthel Activities of Daily Index, Near Snellen chart and blood pressure monitor. Associations between fall efficacy and its associating factors were based on Spearman ranked order correlation coefficient (rs) and point-biserial correlation coefficient (rpb).

The results revealed that the majority of the sample had a high level of fall efficacy (78.35%). The perceived balance abilities, the ability for ADL and perceived health status were moderate positively correlated (rs =.581, p = <.001, rs =.581, p = <.001, rs =.380, p = <.001) fall experience, depression and orthostatic hypotension were moderate negatively correlated (rs = -.416, p = <.001, rs = -.348, p = <.001, rpb = -.328, p = <.01) medical equipment, age, sex and comorbidity were low negatively correlated (rs = -.293, p = <.01, rs = -.256, p = <.01, rpb = -.232, p = <.05, rs = -.226, p = <.05) with the fall efficacy in older adult patients admitted in a private hospital at level of .05. However, the number of drugs used and visual acuity were not statistically significant relate to fall efficacy in older adult patients admitted in a private hospital at level of .05.

Healthcare providers should emphasize fall efficacy in older adult patients for establishing clinical nursing practice guidelines to promote confidence of fall efficacy, especially who have low perceived balance abilities, low functional ability and ever have fall.

ความมั่นใจในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวันโดยไม่หกล้มของผู้ป่วยสูงอายุมีความสำคัญต่อการเคลื่อนไหว การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงบรรยายความสัมพันธ์มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับและปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการรับรู้ความมั่นใจในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวันโดยไม่หกล้มของผู้ป่วยสูงอายุ สุ่มตัวอย่างแบบง่าย จำนวน 97 คน จากผู้ป่วยสูงอายุในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง เครื่องมือที่ใช้ คือ แบบสัมภาษณ์ข้อมูลส่วนบุคคล การรับรู้ภาวะสุขภาพ การรับรู้ความสามารถในการทรงตัว แบบประเมินโรคร่วม การรับรู้ความมั่นใจในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวันโดยไม่หกล้ม ความสามารถในการทำกิจกรรม แบบวัดความเศร้า แผ่นวัดสายตาระยะใกล้และเครื่องวัดความดันโลหิต วิเคราะห์ค่าความสัมพันธ์โดยการหาค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์สเปียร์แมน แรงค์ ออเดอร์ และค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์พอยท์ไบซีเรียล

ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มตัวอย่างมีการรับรู้ความมั่นใจในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวันโดยไม่หกล้มในระดับสูง ร้อยละ 78.35 การรับรู้ความสามารถในการทรงตัว ความสามารถในการทำกิจกรรม และการรับรู้ภาวะสุขภาพ มีความสัมพันธ์ทางบวกในระดับปานกลาง (rs =.581, p = <.001, rs =.581, p = <.001, rs =.380, p = <.001) ประสบการณ์หกล้ม ภาวะซึมเศร้า และความดันโลหิตต่ำขณะเปลี่ยนท่า มีความสัมพันธ์ทางลบในระดับปานกลาง (rs = -.416, p = <.001, rs = -.348, p = <.001, rpb = -.328, p = <.01) อุปกรณ์การแพทย์ อายุ เพศ และภาวะโรคร่วม มีความสัมพันธ์ทางลบในระดับต่ำ (rs = -.293, p = <.01, rs = -.256, p = <.01, rpb = -.232, p = <.05, rs = -.226, p = <.05) กับการรับรู้ความมั่นใจในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวันโดยไม่หกล้มของผู้ป่วยสูงอายุที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ส่วนจำนวนยาที่ใช้ และความสามารถในการมองเห็น มีความสัมพันธ์กับการรับรู้ความมั่นใจในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวันโดยไม่หกล้มของผู้ป่วยสูงอายุที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง อย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

บุคลากรด้านสุขภาพควรให้ความสำคัญกับการรับรู้ความมั่นใจในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวันโดยไม่หกล้มของผู้ป่วยสูงอายุในการพัฒนาแนวปฏิบัติการพยาบาลเพื่อส่งเสริมการเคลื่อนไหวโดยเฉพาะผู้ที่มีการรับรู้การทรงตัวไม่ดี มีภาวะพึ่งพามาก และเคยหกล้ม